ในยุคที่ความเท่าเทียมทางเพศถือเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ในโลกของการจ้างงานปัญหานี้ดูเหมือนจะแก้ไขไม่ได้ง่ายๆ เมื่อโครงการต่างๆที่สนับสนุนความเท่าเทียมในการจ้างงานเริ่มขาดทุนและทยอยปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก เพราะบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆที่มีเงินทุนจำนวนมาก เริ่มไม่เห็นประโยชน์และลดเงินทุนให้กับโครงการ
เมื่อเทียบกับผู้ชาย ผู้หญิงที่ทำงานในสายงานเทคโนโลยีมีจำนวนน้อยกว่ามาก คิดเป็นไม่ถึงหนึ่งในสามของตำแหน่งในบริษัทต่างๆ เช่น Google, Microsoft และ Apple สถานการณ์นี้ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม อย่างเช่นเมื่อ Elon Musk ซีอีโอของ X ได้วิพากษ์วิจารณ์โครงการ DEI (diversity, equity, and inclusion) ซึ่งเป็นโครงการเพื่อความเท่าเทียมที่ค้นหาพนักงานที่มีความหลากลายและมีสัดส่วนในตลาดน้อย เพื่อป้อนให้บริษัทใหญ่ๆ (ทำงานในลักษณะคล้ายโควตา) โดยถึงแม้ว่าจะมีเงินทุนให้ แต่ก็มักจะเป็นเพียงระยะสั้นและไม่เพียงพอที่จะรักษาความก้าวหน้าของโครงการให้ดำเนินต่อไปในระยะยาวได้
องค์กรที่สนับสนุนผู้หญิงในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) กลุ่มใหญ่ๆ เช่น Women Who Code, Girls in Tech และ Tech Talent Charter ของอังกฤษได้ปิดตัวลงเนื่องจากขาดเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัทเทคโนโลยีที่เคยสนับสนุนโครงการเหล่านี้ บริษัทเทคโนโลยี เช่น Google, Meta, X และ Zoom ได้ลดงบประมาณ DEI และเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่งผลให้ช่องว่างทางเพศในอุตสาหกรรมกว้างขึ้นอีก
การขาดแคลนผู้หญิงในสายงานเทคโนโลยีก็ส่งผลย้อนไปถึงจำนวนผู้หญิงที่เข้าเรียนในหลักสูตร STEM ซึ่งมักจะรู้สึกโดดเดี่ยวในระหว่างเรียนเพราะมีจำนวนผู้ชายเยอะกว่ามาก และเมื่อเข้าสู่สายงานเทคโนโลยีก็มักจะได้รับค่าตอบแทนน้อยกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะผู้หญิงผิวสีและละติน จึงทำให้ผู้หญิงเลือกเรียนสายนี้น้อยลง ซึ่งก็ส่งผลมาถึงจำนวนแรงงานที่น้อย คล้ายงูกินหาง
แม้จะเจอกับความท้าทาย แต่ยังมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสนับสนุนผู้หญิงในสายงานเทคโนโลยี เช่น งาน Tech4Girls ในลาสเวกัส และ Women in Tech & Entrepreneurship (WTE) ที่เพิ่งเปิดตัวในฟลอริดา สหรัฐฯ ซึ่งมุ่งหวังที่จะมอบโอกาสในการสร้างเครือข่ายและพัฒนาทักษะให้กับกลุ่มที่มีความหลากหลาย แต่ถ้าจะให้ประสบความสำเร็จอาจจะต้องมีวิธีการที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อให้โครงการมีผลกำไรพอที่จะดำเนินการและสร้างผลกระทบที่ดีในระยะยาวได้ โดยอาจจะไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากบริษัทเทคโนโลยีเป็นหลัก